การขัดมันเชิงไฟฟ้า (Electrolytic polishing หรือ Electropolishing)
การขัดมันเชิงไฟฟ้าเป็นการกำจัดรอยขีดข่วนและข้อบกพร่องขนาดเล็กบนผิวโลหะ แต่ไม่สามารถลดคลื่นลอน (waviness) หรือข้อบกพร่องขนาดใหญ่ที่ไม่ผ่านการขัดทางกลมาก่อนได้ ดังนั้น การขัดมันเชิงไฟฟ้าจึงเป็นการขัดผิวละเอียด หลังการขัดผิวหยาบด้วยกระดาษทรายเบอร์ 600 หรือหลังการขัดละเอียดด้วยเม็ดขัดขนาด 6 ไมครอน เพื่อปรับปรุงสภาพผิวให้เรียบสว่าง มีความมันวาวมากขึ้น ลดความเค้นตกค้างบนผิวของโลหะ และช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนของวัสดุด้วยการกระตุ้นการสร้างฟิล์มออกไซด์ การขัดมันเชิงไฟฟ้าเหมาะกับชิ้นงานโลหะทั่วไปและชิ้นงานโลหะที่มีรูปร่างซับซ้อนที่ขัดละเอียดด้วยวิธีธรรมดาได้ยาก นอกจากนี้การขัดมันเชิงไฟฟ้ายังมีประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรมและการควบคุมสมบัติของวัสดุ เช่น ลดเวลาในการขัดโลหะชนิดเดียวกันที่มีจำนวนหลายชิ้นเพิ่มความสะดวกในการควบคุมระบวนการขัดด้วยกระบวนการอัตโนมัติ เป็นต้น
หลักการขัดมันเชิงไฟฟ้า (Electropolishing) นั้น คือการกำหนดให้โลหะที่ต้องการขัดเป็นขั้วแอโนด (anode) เลือกสารละลายอิเล็กโทรไลต์ (electrolyte) ที่มีสมบัติเป็นตัวทำละลายที่ดีต่อโลหะที่ต้องการขัดเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน แต่ไม่ควรทำปฏิกิริยาใด ๆ กับโลหะเมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน และกำหนดเงื่อนไขในการขัดที่เหมาะสมกับโลหะและสารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่เลือก ได้แก่ อุณหภูมิ ความหนาแน่นกระแส (current density) เวลา และการกวนสารละลายเมื่อโลหะที่ขั้วแอโนดสัมผัสกับสารละลายอิเล็กโทรไลต์ในขณะที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะทำ ให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีไฟฟ้าที่ผิวโลหะ ผิวของโลหะที่ขรุขระเป็นเสี้ยนจะมียอดสูงแตกต่างจากบริเวณอื่น ๆ ที่ดูคล้ายเป็นหลุมบนผิวโลหะ ความหนาแน่นกระแสที่บริเวณยอดแหลมจะมากกว่าบริเวณอื่น จึงเกิดการละลายหรือการกัดกร่อนของโลหะที่บริเวณยอดแหลมทำ ให้ผิวที่เป็นยอดสูงนั้นค่อย ๆ ลดระดับลงจนมีความสูงเท่ากับบริเวณใกล้เคียง ผิวโลหะจึงเรียบขึ้น
ปัจจุบันการขัดมันเชิงไฟฟ้า (Electropolishing) นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขัดผิวเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless steels)
• อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตอาหารและยา : ภาชนะและท่อลำเลียงที่สัมผัสกับ น้ำ อาหาร และยา ในกระบวนการผลิตจำเป็นต้องผ่านการขัดมันเชิงไฟฟ้า เพื่อลดการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ทั้งนี้ความหยาบผิวมีผลต่อปริมาณการสะสมของแบคทีเรีย
• อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุทางการแพทย์ : โดยเฉพาะวัสดุปลูกฝังภายในร่างกายที่ทำ จากเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติกเกรด 316L ก็จำเป็นต้องผ่านกระบวนการขัดมันเชิงไฟฟ้าเพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนเช่นเดียวกัน
• อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่มีสแตนเลสเป็นส่วนประกอบก็นิยมใช้การขัดมันเชิงไฟฟ้า เพราะนอกจากจะทำให้ผิวของสแตนเลสมีความเงางามขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการทนทานการกัดกร่อนของสแตนเลสจากการสร้างฟิล์มพาสซีฟ (passive film) ขึ้นมาใหม่ของสแตนเลส หลังผ่านกระบวนการขัดมันเชิงไฟฟ้าโดยฟิล์มพาสซีฟที่สร้างขึ้นใหม่นี้จะมีความสม่ำเสมอและหนากว่าฟิล์มพาสซีฟที่สร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงทำให้กระบวนการการขัดมันเชิงไฟฟ้าเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ภายนอกอาคารหรือใกล้ทะเล
นอกจากนี้ระบวนการขัดมันเชิงไฟฟ้ายังสามารถนำไปใช้ขัดเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่แบบต่าง ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอด้วยเวลาสั้น ๆ เป็นการช่วยลดระยะเวลาการผลิต แรงงาน และฝุ่นที่อาจเกิดขึ้นจากการขัด
